วิธีพิมพ์ที่ใช้ตัวพิมพ์ (Type) เป็นตัวๆนั้น ชาวจีนชื่อไปเช็ง (Pi-Cheng) คิดขึ้นได้เป็นคนแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1584-1593วิธีพิมพ์แบบนี้เรียกว่าการพิมพ์แบบตัวเรียง (Movable Type Printing) คือการพิมพ์ที่มีการนำเอาตัวพิมพ์เป็นตัวๆ มาเเป็นคำเป็นประโยคเป็นบรรทัดและเป็นหน้า เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็เอาตัวพิมพ์เหล่านั้นแจกกลับไปเก็บในช่องเก็บดังเดิม และสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ตัวพิมพ์ที่ทำขึ้นโดย ไปเช็งเป็นตัวปั้นด้วยดินเหนียวแล้วเผาไฟให้แข็งคล้ายอิฐ เกาหลีรับความรู้นี้ไป พัฒนาและได้หล่อเป็นตัวพิมพ์ โลหะขึ้นใช้เมื่อประมาณปี พ.ศ.1993-1946ในปัจจุบันตัวพิมพ์หล่อขึ้นมาจากโลหะผสม โดยอาศัยหล่อจากแม่แบบตัวอักษรหรือแม่แบบทองแดง โลหะหนักที่ใช้ในการหล่อตัวพิมพ์ประกอบด้วยโลหะ 3 ชนิดคือ
 
1. ดีบุก เป็นโลหที่ให้ความเหนียวแก่ตัวพิมพ์ ให้ความเหลวในการหลอม ใช้ความร้อนน้อยในการหล่อ และทำให้ตัวพิมพ์คงทน สึกหรอได้ยาก  
 
2. พลวง เป็นโลหะที่ให้ความแข็งแก่ตัวพิมพ์ ทนทานต่อแรงกดของแท่นพิมพ์ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศเก็บได้นานโดยไม่เป็นสนิม
เก็บได้นานโดยไม่เป็นสนิม สามารถหล่อลวดลายเส้นคมๆได้ พลวงมีราคาค่อนข้างสูง
   
 
3. ตะกั่ว เป็นโลหะพื้นฐาน หลอมหล่อให้เป็นรูปร่างๆได้ง่าย ราคาถูก
 
 
ตัวพิมพ์ในประเทศไทย
 
 
ตัวพิมพ์และการพิมพ์ถูกนำเข้าสยามในสมัยรัชกาลที่ 3 ในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่วิทยาศาสตร์และคำสอนทางศาสนาของ
มิชชันนารีชาวคริสต์  หนังสือรุ่นแรกๆ จึงถูกเรียกว่า "สมุดฝรั่ง" เพื่อให้ต่างกับ "สมุดไทย" ซึ่งเขียนด้วยมือและทำด้วยใบลานหรือข่อย
ตัวพิมพ์และเทคโนโลยีการพิมพ์ได้รับความสนใจในฐานะที่เป็นประดิษฐกรรมอันแปลกใหม่
 
  คลิกดู 10 ตัวพิมพ์กับ 10 ยุคสังคมไทย
 
 
 
 
ส่วนประกอบของตัวพิมพ์หล่อ
 
 
    ตัวพิมพ์ตัวหล่อด้วยโลหะที่มีมาตั้งแต่สมัยของกูเทนเบิร์กมีลักษณะ โครงสร้างและส่วนประกอบไม่แตกต่างจากตัวพิมพ์ตัวหล่อที่ใช้ในปัจจุบัน คือ มีลักษณะเป็น 3 มิติ ประกอบด้วยลำตัว (Body) มีความสูง ความกว้าง และความลึกมีหน้าสัมผัสอยู่บนส่วนบนสุด เป็นพัยญชนะ สระ หรือวรรณยุกต์ใน ลักษณะลำตัวกลับเหมือนภาพใน กระจกเงาหน้าสัมผัส นี้ยกสูงจากฐานหรือบ่า ตัวพิมพ์ เป็นบริเวณ รับหมึกที่ก่อให้เกิดภาพเมื่อนำไปกดพิมพ์ จึงเรียกหน้า สัมผัสนี้ว่า "บริเวณภาพ"(Image Area)และผิวของชานหรือบ่าที่รับตัว หนังสือ ที่อยู่ต่ำลงไปไม่สามารถรับหมึกและสัมผัสกระดาษได้ เรียกว่า "บริเวณไร้ภาพ"(Non-Image Area) ตัวพิมพ์แต่ละตัวประกอบด้วย ส่วน ละเอียดปลีกย่อยมีชื่อเรียกและหน้าที่แตกต่างกัน  
 
 
 
มาตราวัดตัวพิมพ์
 
 
    หน่วยวัดขนาดตัวพิมพ์ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ส่วนมากใช้หน่วยวัดตัวพิมพ์เป็นระบบพอยต์ (Point)โดยกำหนดให้ 12 พอยต์ เท่ากับ 1 ไพกา(Pica) และ 6 ไพกา เท่ากับ 1 นิ้ว (โดยประมาณ) ดังมาตราต่อไปนี้

 
 
      การใช้มาตราวัดระบบพอยต์ แบ่งหน้าที่การใช้ดังนี้

พอยต์
เป็นหน่วยวัดขนาดตัวพิมพ์ วัดจากความยาวจากด้านหน้าหรือด้านหัวของตัวพิมพ์
ไพกา เป็นหน่วยวัดความกว้างของคอลัมน์ (Column) หรือความยาวของบรรทัดเรียงพิมพ์
 

  ตัวอักษรและตัวพิมพ์    | ตัวอักษร  | ตัวพิมพ์   |